ฮวงจุ้ย คือ อะไร? "ฮวง" แปลว่า ลม หรือ ฟ้า "จุ้ย" แปลว่า น้ำ หรือดิน ฉะนั้นฮวงจุ้ย หมายถึงความสมดุลย์แห่งธรรมชาติที่เกี่ยวพันธ์กับความเป็นอยู่และสิ่งแวดล้อมชีวติมนุษย์เรา ฮวงจุ้ยแบ่งออกเป็น 2 แบบ แบบที่ 1 ฮวงจุ้ยคนเป็น คือ สิ่งที่มีชีวิต ก็คือที่อยู่อาศัย เรียกว่า ฮวงจุ้ยพลังหยาง พลังที่เคลื่อนไหว เช่น บ้าน สำนักงาน โรงงาน เป็นต้น แบบที่ 2 ฮวงจุ้ยคนตาย คือ หลุมฝังศพ เรียกว่า ฮวงจุ้ยพลังหยิน พลังที่อยู่นิ่ง
วันพุธที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2553
ข้อห้ามทางฮวงจุ้ยกับเสื้อผ้า
1. การนำเอาเสื้อผ้าไปซักและตากเอาไว้บริเวณหน้าบ้าน เป็นข้อห้ามในทางฮวงจุ้ย เพราะจะทำให้พลังความเป็นมงคลและความโชคดีหายไปจนหมดสิ้น
การหายไปของความมงคลและโชคลาภ มีสาเหตุสืบเนื่องมาจากในวิชาฮวงจุ้ย พลังมาเยี่ยมเยือนแต่ละบ้าน โดยผ่านเข้ามาทางหน้าบ้าน หากหน้าบ้านแฉะและลื่น เทพเจ้าเงินตราจะผ่านเลยบ้านนั้นไปทันที
2. เสื้อผ้าที่ใช้แล้วมีความสกปรก การซักล้างที่หน้าบ้านจะทำให้สกปรกทำให้พลังมงคลที่ผ่านเข้ามา กลายเป็นพลังอัปมงคล
3. หน้าบ้านมีความสำคัญเป็นอย่างมากในวิชาฮวงจุ้ย หากมีความสกปรกหรือมีความเป็นอัปมงคล ตั้งอยู่ก็เป็นการไปขัดขวางโชคลาภ และโอกาสที่ดีมิให้เข้ามาในอาคารบ้านเรือน
ปีเกิดกับรูปสัตว์ตกแต่งบ้านที่ไม่เป็นมงคล
การใช้สัญลักษณ์รูปสัตว์ต่าง ๆ ที่แทนปีเกิดเพื่อการตกแต่งบ้าน ต้องใช้ความระมัดระวังสักเล็กน้อย เพราะ เรื่องเล็กอาจจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ได้ นั่นก็คือ ทางจีนถือว่า มีวันเดือนปีที่ “ชง” หรือ “พิฆาต” หรือพูด ภาษาไทย ฟังง่าย ๆ ก็คือ เป็นคู่ศัตรูกัน ก็คือ ไม่ว่าวัน เดือน หรือ ปี จะมี คือ
ชวด ชง กับ มะเมีย
ฉลู ชง กับ มะแม
ขาล ชง กับ วอก
เถาะ ชง กับ ระกา
มะโรง ชง กับ จอ
มะเส็ง ชง กับ กุน
ตัวแทนของวันเดือนปีที่ชงกัน ก็คือ
หนู ไม่ถูกกับ ม้า
วัว ไม่ถูกกับ แพะ
เสือ ไม่ถูกกับ ลิง
กระต่าย ไม่ถูกกับ ไก่
งูใหญ่(มังกร) ไม่ถูกกับ หมา
งูเล็ก ไม่ถูกกับ หมู
ดังนั้นการมีสัญลักษณ์อยู่แล้วบังเอิญไปชงกับหัวหน้าครอบครัว หรือคนหนึ่งคนใดในครอบครัว ก็เท่ากับเป็นคู่ ศัตรูกัน การจะทำมาหากินหรืออยู่อย่างมีความสุข จึงเป็นไปได้ยาก เผลอ ๆ จะตกงานเอาดื้อๆ หาเท่าไรก็ไม่ได้ อีกด้วย
บ้านหลังเล็กหรือหลังใหญ่...มีผลกับฮวงจุ้ยอย่างไร
การจะกำหนด ขนาดของบ้าน ว่าควรจะสร้างบ้านหลังเล็กหรือหลังใหญ่ แค่ไหนนั้น ความจริง เรื่องนี้จะขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยด้วยกันครับ อย่างแรก ก็คือ จำนวนคนที่จะเข้าไปอยู่ จะต้องเหมาะสม กับขนาดของบ้านเป็นสำคัญ เพราะข้อบัญญัติในทางฮวงจุ้ยบอกเอาไว้ชัดเจนว่า "บ้านใหญ่คนน้อยบ้านเล็กคนมาก” ล้วนนำปัญหามาสู่บ้านหลังนั้น"
บ้านหลังใหญ่ แต่มีคนอยู่น้อย จะก่อสภาพของหยินที่มากเกินไป พูดง่าย ๆ ก็คือ บ้าน นิ่งเกินไป มีสิ่งเคลื่อนไหวน้อย "ความนิ่ง" (หยิน) ในทางฮวงจุ้ยถือว่า ไม่เจริญมีแต่เสื่อมโทรมลงไปเรื่อย ๆ เหมือนบ้านร้างที่ปล่อยทิ้ง หรือสิ่งที่นิ่งตาย นั่นเอง
ส่วนบ้านหลังเล็ก คนอยู่มาก จะก่อสภาพของหยางที่มากเกินไป หยางก็คือ "สิ่งที่ เคลื่อนไหว" เมื่อคนมากพื้นที่น้อย ก็จะก่อสภาพพลุกพล่าน วุ่นวาย ทำให้คนในบ้านหงุดหงิด หรืออารมณ์ เสียได้ง่าย ซึ่งจะนำ ไปสู่การกระทบกระทั่ง มีปากเสียงกัน จนถึงขั้นทะเลาะวิวาท และแตกแยกกันในที่สุด เพราะฉะนั้น จะเห็นได้ว่า หลักฮวงจุ้ย จะพูดถึงหลักแห่งความสมดุลหยิน –หยาง
จะต้องอยู่ในสัดส่วนที่เหมาะกัน ไม่มากเกินไปหรือน้อยเกินไป บ้านหลังใหญ่ ก็ควรที่จะมีคนอยู่ที่มากพอ กับพื้นที่ ส่วนบ้านหลังเล็ก ก็ไม่ควรมีมากจนเกินไป นี่เป็นปัจจัยในเรื่องของคนกับขนาดบ้าน
เพราะฉะนั้น การจะกำหนดขนาดของบ้านว่าควรจะสร้างใหญ่แค่ไหนนั้น ควรนำปัจจัยในเรื่อง ของจำนวนคน ประโยชน์ใช้สอย ขนาดของพื้นที่ดิน และจำนวนข้าวของภายในบ้าน มาเป็นเงื่อนไขใน การพิจารณา ก็จะได้ขนาดบ้านตามความเหมาะสม ซึ่งจะก่อสภาพของหยิน - หยาง ที่สมบูรณ์ ทำให้ คนในบ้านอยู่กันอย่างมีความสุข
ฮวงจุ้ยกับตู้ปลา : รูปร่างของตู้ปลาหรือบ่อน้ำ
การเลือกตู้ปลาที่ดีนั้น ควรเลือกให้มีรูปร่างเป็นทรงกลม หรือที่มีรูปร่างโค้งไร้เหลี่ยม เพราะถือว่าเป็นรูปร่างทางเรขาคณิตของธาตุน้ำ
ควรเลือกตู้ปลาหรือบ่อน้ำให้มีรูปครึ่งวงกลม หกเหลี่ยม หรือแปดเหลี่ยม เพราะถือว่าเป็นรูปร่างทางเรขาคณิตของธาตุทองอันเป็นธาตุที่ส่งเสริมก่อเกิดธาตุน้ำ
ไม่ควรเลือกตู้ปลาหรือบ่อน้ำที่มีลักษณะสามเหลี่ยม เพราะเป็นรูปร่างทางเรขาคณิตของธาตุไฟ อันจะถูกธาตุน้ำทำลาย ไและไม่ควรเป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส เพราะเป็นรูปร่างทางเรขาคณิตของธาตุดิน อันจะมาทำลายหรือลดกำลังของธาตุน้ำ
ที่สำคัญควรเลือกตู้ปลาหรือบ่อน้ำที่มีลักษณะสัมพันธ์กับตัวบ้าน เพราะถ้าเล็กไปใหญ่ไปจะทำให้ไม่เกิดสมดุลขึ้นมา
ฮวงจุ้ยกับตู้ปลา : การตกแต่งตู้ปลาหรือบ่อน้ำ
การตกแต่งนั้นถือเป็นเรื่องสำคัญอีกเรื่องในการช่วยกระตุ้นธาตุน้ำ เมื่อเราทราบแล้วว่าธาตุที่มีสัมพันธ์ดีกับธาตุน้ำคือธาตุไม้และทอง ส่วนธาตุที่ไม่ดีก็คือธาตุดินและไฟ (ธาตุดินนั้นถือเป็นธาตุกลาง จึงสามารถนำมาใช้ร่วมกับธาตุน้ำได้แต่ต้องใช้ในขนาดที่พอเหมาะเท่านั้นอย่าให้มากเกินไป) เราก็ควรเลือกวัสดุที่จะมาตกแต่งตู้ปลาให้เกิดความสัมพันธ์ที่ดีกับธาตุน้ำด้วย
การเลือกหินที่ใช้โรยพื้นตู้ปลา ควรเลือกหินที่มีลักษณะกลมมน และควรมีสีขาว สีดำ ไม่ควรเลือกที่มีลักษณะแหลมคม หรือมีสีแดง
ของที่นำมาตกแต่งตู้ปลาควรจะเป็นต้นไม้ เพราะต้นไม้มีการเจริญเติบโตอยู่เสมอ อันเป็นการบ่งบอกว่าธาตุน้ำนั้นกำลังทำงานอยู่และไม่หยุดนิ่ง
การตกแต่งตู้ปลาหรือบ่อน้ำนั้น ไม่ควรทำให้เกิดการหยุดนิ่งของธาตุน้ำ เพราะน้ำที่นิ่งนั้น ตามหลักฮวงจุ้ยถือว่าเป็นน้ำที่ตายจะเกิดการเน่าเสียและปล่อยพลังร้ายออกมาได้ ดังนั้นจึงควรทำให้น้ำในตู้ปลาเกิดการเคลื่อนไหวอยู่เสมอด้วยการติดเครื่องทำออกซิเจนให้น้ำนั้นมีอากาศหมุนเวียน หรือ การนำปลามาเลี้ยงไว้ในตู้ปลาหรือบ่อน้ำ เพราะปลานั้นจะว่ายน้ำและหายใจอยู่ตลอดเวลา อันจะช่วยกระตุ้นให้ธาตุน้ำนั้นเกิดการเคลื่อนตัวไปด้วย
ฮวงจุ้ยกับตู้ปลา : การจัดวางตำแหน่งตู้ปลาหรือบ่อเลี้ยงปลา
การจัดวางตำแหน่งตู้ปลาหรือบ่อน้ำที่ดีนั้น ควรจัดวางในตำแหน่งที่สามารถมองเห็นได้ชัดเจน โดยเฉพาะถ้าตรงกับประตูใหญ่แล้วจะถือว่าเป็นมงคลยิ่งนัก เพราะประตูใหญ่ถือเป็นปากทางเข้าของโชคลาภและความร่ำรวย ดังนั้นเมื่อตู้ปลาหรือบ่อปลาวางตรงกับประตูใหญ่ ย่อมเป็นการช่วยกระตุ้นโชคลาภเงินทองให้เพิ่มพูนมากขึ้นกว่าเก่า
อีกอย่าสงถ้าหน้าตัวอาคารบ้านเรือน หรือบริษัทห้างร้านนั้นมีลักษณะร้ายหรือคุกคามทางฮวงจุ้ยแล้ว ตู้ปลาหรือบ่อน้ำจะช่วยสลายพลังร้ายได้ แต่ต้องกระตุ้นให้น้ำในบ่อทำงานอยู่ตลอดเวลา ด้วยการติดน้ำพุหรือทำให้น้ำเคลื่อนไหว
อย่าจัดวางตู้ปลาหรือบ่อน้ำไว้ในบริเวณอับทึบ เพราะนั่นเท่ากับเป็นการกักขังโชคลาภให้เกิดอับเฉา และอีกอย่างจะทำให้น้ำในตู้ปลาเกิดการเน่าเสียได้ง่าย อันจะทำให้เกิดภัยจากธาตุน้ำได้ แทนที่จะโชคดี
ฮวงจุ้ยกับตู้ปลา : ปลาที่จะนำมาเลี้ยงในตู้ปลา
การนำปลามาเลี้ยงในตู้ปลาเพื่อเสริมฮวงจุ้ยเพิ่มโชคลาภนั้นถือเป็นเรื่องสำคัญที่หลายคนมองข้ามไป ซึ่งควรเลือกปลาที่มีลักษณะดังนี้
ไม่ควรเลือกปลาที่มีลักษณะดุร้ายหรือคุกคามมาเลี้ยงภายในตู้ปลา เพราะการเลี้ยงปลาที่มีลักษณะคุกคามนั้นเปรียบเสมือนการไล่โชคลาภออกจากบ้าน ดังนั้นควรเลี้ยงปลาที่มีลักษณะสวยงามเป็นมงคลดีกว่า
สีของปลานั้นก็ถือว่าเป็นสิ่งสำคัญ ซึ่งปลาสวยงามในบ้านเรานั้นก็มีหลายสีให้เลือก แต่ถ้าต้องการกระตุ้นโชคลาภทางฮวงจุ้ย ขอแนะนำให้เลี้ยงปลาสีทอง สีขาว (ธาตุทอง) สีดำ (ธาตุน้ำ) ปลาที่มีหลายสีในตัวเดียว(ธาตุไม้) จะดีที่สุด ปลาที่ไม่ควรนำมาเลี้ยงไว้ในตู้ปลาเพื่อเสริมฮวงจุ้ย คือ ปลาที่มีสีแดงสด อันเป็นสีแห่งธาตุไฟซึ่งจะถูกธาตุน้ำทำลาย
จำนวนของปลาที่จะนำมาเลี้ยงก็ถือว่าเป็นเรื่องสำคัญอีกเรื่องหนึ่งด้วย โดยทางศาสตร์ฮวงจุ้ยเชื่อว่า จำนวนปลา 1 ตัวและ 6 ตัว จะเป็นจำนวนของธาตุน้ำ ปลาจำนวน 4 ตัวและ 9 ตัวเป็นจำนวนของธาตุทอง ปลา 3 ตัวและ 8 ตัว เป็นธาตุไม้ซึ่งให้คุณกับธาตุน้ำ
ส่วนปลาจำนวน 2 ตัวและ 7 ตัวนั้นทางศาสตร์ฮวงจุ้ยไม่นิยมให้เลี้ยงกัน เพราะเป็นจำนวนของธาตุไฟซึ่งจะถูกธาตุน้ำทำลายหรือพิฆาตได้ และจำนวน 5 ตัวและ 1 ตัวนั้นเป็นจำนวนของธาตุดิน แม้ธาตุดินจะพิฆาตธาตุไม้แต่ก็พออนุโลมได้บ้าง เพราะถือว่าธาตุดินเป็นธาตุประธานหรือธาตุกลาง แต่ถ้าไม่จำเป็นก็ไม่ควรเลี้ยงในจำนวนเท่านี้ ถ้าต้องการเลี้ยงปลาเป็นจำนวนมากในตู้ปลาแล้ว ขอแนะนำให้เลี้ยงมากกว่า 10 ตัวต่อหนึ่งตู้เลยจะดีกว่า เพราะนั่นจะหมายความถึงโชคลาภที่มากมายเกินกว่าจะประมาณได้นั่นเอง
ฝันร้าย เพราะปลายเตียงแคบ
หลายคนอาจกำลังหงุดหงิดใจกับการนอนหลับได้ไม่เต็มที่ หรือนอนแล้วฝันร้ายไปต่างๆนานา ตื่นเช้าขึ้นมาแล้วรู้สึกอ่อนเพลียไม่มีความสุข
...ปลายเตียง นั่นคือสาเหตุของทุกอย่างที่เกิดขึ้น คุณลองมองที่ปลายเตียงนอนของคุณดูซิว่า พื้นที่ของปลายเตียงนอนมีอะไรผิดปกติบ้าง...
สิ่งที่ดีที่สุดคือ บริเวณปลายเตียงนอนสมควรให้มีเนื้อที่ว่างอย่างน้อยที่สุดก็สัก 2 ฟุตครึ่ง (ถ้ามีเนื้อที่เหลือกว้างมากก็ยิ่งดี) พยายามอย่าให้มีตู้หรือโต๊ะมาตั้งไว้ที่ปลายเตียงจนเกือบชิด จะทำให้ฝันร้ายบ่อย และจิตใจมักหงุดหงิดไม่สบายอยู่เสมอ
วิธีแก้เคล็ดง่ายๆที่คุณทำได้แบบสบายๆคือ ควรปล่อยให้ปลายเตียงเป็นบริเวณโล่งๆ โปร่งๆ ถ้าเนื้อที่จำกัดจริงๆ และจำเป็นต้องวางตู้ขนาดใหญ่ไว้ที่ปลายเตียง ก็ให้ติดผ้าม่านสีอ่อนๆ ที่หน้าประตูตู้
เมื่อนอนมองมา คุณจะมีความรู้สึกสบายตา ไม่รู้สึกถูกพลังบางอย่างกดทับอีกต่อไปค่ะ
จัดโต๊ะเรียนลูกอย่างไรให้ถูกหลักฮวงจุ้ย
เราทุกๆคนคงอยากให้ลูกหลานของเรานั้นเป็นคนที่ดี ประสบความสำเร็จในการศึกษา และหน้าที่การงานในอนาคต การจัดฮวงจุ้ยในส่วนของโต๊ะเรียนนั้นถือว่ามีผลกับเด็กๆอย่างมาก เพราะถ้าเด็กๆใช้เวลาส่วนใหญ่ในการอ่านหนังสือหรือทบทวนบทเรียนนั้นก็จะเป็นที่มาของการประสบความสำเร็จในอนาคตได้
โดยหากท่านสามารถจัดฮวงจุ้ยที่โต๊ะเรียนของลูกหลานท่านได้ดีแล้วจะสามารถทำให้เด็กๆมีความสนใจในเรื่องการศึกษาหาความรู้ไม่น้อยไปกว่าการใช้เวลาไปกับการเล่นเกมส์หรืออินเตอร์เน็ทเช่นในปัจจุบัน โดยหลักของการจัดฮวงจุ้ยของโต๊ะเรียนมีดังต่อไปนี้
1. ต้องอยู่ในมุมที่สามารถมองเห็นทัศนียภาพได้ไกล เนื่องจากประสามสัมผัสในการมองนั้นจะเป็นสิ่งที่สร้างจินตนาการที่กว้างไกลให้กับเด็กได้ หากเราสามารถจะจัดให้ลูกหลานของเรานั่งในมุมที่สามารถมองออกไปเห็นทัศนียภาพต่างๆได้ยิ่งไกลเท่าใด ยิ่งเป็นการกระตุ้นให้เขามีการพัฒนาการในการสร้างจินตนาการมากขึ้นเท่านั้น การตั้งโต๊ะเรียนให้สามารถมองไปที่หน้าต่างหรือประตูได้จึงเป็นทางเลือกที่ดีมากสำหรับการจัดฮวงจุ้ยในข้อนี้ การจัดโต๊ะเรียนให้หันหน้าเข้าหากำแพงจึงถือเป็นฮวงจุ้ยที่ไม่ดี
2. ไม่ควรหันหลังให้ประตู เนื่องจากสายตาของมนุษย์นั้นได้ถูกสร้างให้สามารถมองให้เป็นมุมกว้างได้เพียง 180 องศา หรือกล่าวง่ายๆได้ว่า ไม่มีใครสามารถมองเห็นไปทางด้านหลังของตัวเองได้หากไม่ได้หันหลัง สำหรับประตูห้องนั้นในทางฮวงจุ้ยถือว่าเป็นจุดที่จ่ายกระแสพลังชนิดหนึ่ง เราจะพยายามหันหน้าเข้าหากระแสพลังงานดังกล่าว จะทำให้สามารถมองเห็นจังหวะและโอกาสที่ผ่านเข้ามาได้ดี
หากเราต้องหันหลังให้กระแสพลังที่คนพามา นอกจากจะทำให้เราไม่สามารถมองเห็นจังหวะและโอกาสที่ผ่านเข้ามาได้ทันแล้ว จะยังทำให้เรานั้นเป็นคนที่หวาดระแวง และไม่มีสมาธิดี เนื่องจากเราจะพะวงในสิ่งที่เรามองไม่เห็นในด้านหลังของเราเป็นอย่างมาก หากเป็นเด็กก็จะทำให้ไม่มีสมาธิในการอ่านหนังสือ ทบทวนบทเรียน เป็นที่มาของการไม่ประสบความสำเร็จทางด้านการศึกษา
3. ต้องอยู่ในที่ที่มีแสงสว่างเพียงพอ เนื่องจากแสงสว่างถือเป็นสิ่งที่สามารถกระตุ้นประสาทสัมผัสทางด้านการมองเห็นได้อย่างรวดเร็วที่สุด หากแสงสว่างในระดับที่อ่านหนังสือพิมพ์รที่ตัวหนังสือตัวเล็กๆได้โดยไม่ต้องเพ่ง จะทำให้เด็กขยันหรือมีความขอบในการอ่านหนังสือ ในทางกลับกันหากแสงสว่างไม่เพียงพอ เด็กจะไม่ขยันในการอ่านหนังสือ หรืออาจเป็นที่มาของการมีปัญหาทางด้านสายตาได้ เราสามารถสังเกตได้ว่า ในห้างสรรพสินค้าต่างๆบริเวณจุดจ่ายเงินจะเป็นที่ทีสว่างมากๆ เพื่อกระตุ้นการมองเห็นของลูกค้าและความโดดเด่นของสินค้า เพื่อส่งเสริมให้ยอดขายเพิ่มขึ้น
4. อยู่ในมุมที่มีพลังงานทางฮวงจุ้ยที่ดีแฝงอยู่ สำหรับฮวงจุ้ยในเชิงองศาทิศทาง (Compass Feng Shui Thery) เราจะพยายามจัดให้ลูกหลานของเรานั่งอยู่ในมุมที่มีธาตุน้ำ, ไม้ และ ไฟ ที่ดี เพราะธาตุน้ำ (Water Element) นั้นจะสร้างให้เด็กๆนั้นมีความคิดที่ลึกซึ้งและสดใสดังน้ำ ธาตุไม้ (Wood Element) จะทำให้เด็กๆได้มีพัฒนาการที่ต่อเนื่อง มีศิลปะวิทยาการที่ดี ดังเช่นต้นไม้ หรือ ธาตุไฟ (Fire Element) นั้นจำทำให้เด็กๆนั้นมีความคิดที่สว่างไสว และโดดเด่นเช่นแสงไฟ โดยในการคำนวณเพื่อหาทิศทางการสะสมตัวของกระแสพลังงานดังกล่าว ท่านจำเป็นต้องได้รับคำแนะนำจากซินแสที่มีความชำนาญครับ
อย่างไรก็ตามการจัดฮวงจุ้ยเพื่อให้ลูกหลานของเราฉลาดหลักแหลม ประสบความสำเร็จในการศึกษานั้น เรายังสามารถจัดฮวงจุ้ยที่ส่วนอื่นๆของบ้านเพื่อเสริมได้ควบคู่ไปกับการจัดโต๊ะเรียนด้วย การจัดห้องนอนเด็กให้ดี หรือการจัดห้องนั่งเล่นให้มีฮวงจุ้ยที่ดี แม้กระทั่งการจัดสวนที่ดีก็ยังสามารถช่วยในการพัฒนาลูกหลานของท่านได้เช่นเดียวกัน
ฮวงจุ้ยกับคอนโดฯ : คอนโดฯดีต้องใกล้ชุมชน
หลักในการพิจารณาคอนโดฯว่ามีฮวงจุ้ยที่ดีหรือไม่นั้นให้พิจารณาตามนี้
1. พิจารณาที่ตัวคอนโดฯว่าอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ดีหรือไม่ เพราะถ้าคอนโดฯทั้งหลังมีฮวงจุ้ยที่ดีแล้ว ห้องที่อยู่ภายใน ทั้งหมดก็จะได้รับผลดีไปด้วย คอนโดฯที่ได้ชื่อว่าฮวงจุ้ยดี คือ อยู่ใกล้แหล่งชุมชน ไม่อยู่โดดเดี่ยวหลังเดียว เส้นทางเข้าต้องไม่อยู่ ห่างจากถนนใหญ่มากเกินไป
สิ่งปลูกสร้างรอบ ๆ ต้องไม่มีลักษณะร้าย เช่น สะพานลอยทางด่วน ทางรถไฟ ทางยกระดับพาดผ่าน หรือมีเสาไฟฟ้าแรงสูง เสา อากาศวิทยุหรือโทรทัศน์ขนาดใหญ่อยู่ใกล้,ต้องไม่มีเหลี่ยมมุมของอาคารข้างเคียงพุ่งเข้าสู่อาคาร หรืออยู่ระหว่างซอกตึกของ อาคารตรงข้าม, ต้องไม่แวดล้อมด้วยอาคารที่สูงกว่า และไม่อยู่ติดวัด ศาลเจ้า สุสาน ป่าช้า
2. การหาตำแหน่งห้องที่ดี จะต้องพิจารณาด้านทั้งสี่ของอาคารเป็นหลัก คำถามที่ผมมักจะเจออยู่บ่อย ๆ ก็เห็นจะเป็น "จะเลือกห้องไหนถึงจะดี" หลักในการเลือกจะต้องดูด้านทั้ง 4 ของคอนโดฯ ดูว่าด้านไหนดีที่สุดก็เลือกด้านนั้น ด้านที่ ดีส่วนใหญ่จะเป็นที่โล่ง ไม่มีอาคารอื่นปิดบังห้องมีสวนสระน้ำ แม่น้ำ ทะเลสาบ หรือทัศนียภาพที่สวยงาม
3. ดูทิศทางเพื่อเลือกตำแหน่งห้อง การดูทิศถือว่าสำคัญมาก การจะเลือกห้องอยู่ทางทิศไหนนั้นมีหลักในการพิจารณา ง่าย ๆ ดังนี้
- ด้านเหนือ อับลม
- ด้านใต้ รับลม
- ด้านตะวันออก รับแสงตอนเช้า
- ด้านตะวันตก รับแสงตอนบ่าย
ความสมดุลในเรื่องของลมและแสงจะไม่สมดุลอยู่แล้ว ถ้าเลือกตำแหน่งห้องที่อับลมอีก ห้องนั้นจะไม่มีการหมุนเวียนของลมเลย ย่อมส่งผลเสียต่อผู้อยู่อาศัยได้ง่าย โดยเฉพาะในเรื่องของสุขภาพ
เลือกซื้อตู้โชว์ให้เหมาะกับบ้านตามหลักฮวงจุ้ย
ตู้โชว์ ส่วนใหญ่มักจะวางเอาไว้ด้านหน้าของบ้าน บริเวณห้องรับแขก ซึ่งมักจะอยู่ส่วนกลางของบ้าน เพื่อแบ่งพื้นที่ในการใช้สอยให้เป็นสัดส่วน ไม่ปล่อยให้บ้านดูโล่งเกินไป เช่น แบ่งส่วนห้องรับแขก กับโต๊ะอาหาร เป็นต้น การเลือกซื้อตู้โชว์มาวางในตำแหน่งกลางบ้านนั้น จุดสำคัญจะต้องเลือกแบบตู้โชว์ให้เหมาะสมกับห้องเสียก่อน ซึ่งแบบของตู้โชว์ส่วนใหญ่ก็จะแบ่งออกได้เป็นแบบทึบกับแบบโปร่ง เพราะการเลือกตู้โชว์ 2 ลักษณะนี้ มีผลในทางฮวงจุ้ยที่แตกต่างกัน
ตู้โชว์แบบทึบ จะเหมาะกับห้องที่มีขนาดใหญ่ เพราะความทึบของตู้จะไม่ทำลายความสมดุลภายในห้อง โดยเฉพาะเรื่องของแสงสว่าง นอกจากนี้ ตู้โชว์ทึบยังเหมาะที่จะใช้แก้ไขกรณีที่แบบบ้านมีลักษณะที่ผิดฮวงจุ้ย เช่น มีบันไดหันมาทางหน้าบ้าน หรือมีประตูหน้าประตูหลังบ้านตรงกัน
ตู้โชว์แบบทึบเหมาะกับห้องที่กว้าง และใช้ในกรณีแก้ฮวงจุ้ยได้อีกด้วย
ตู้โชว์แบบโปร่ง จะเหมาะกับห้องที่มีขนาดเล็ก อย่างบ้านทาวน์เฮ้าส์ หรือบ้านเดี่ยวที่มีพื้นที่ห้องกว้างไม่เกิน 5 เมตร เพราะตู้โชว์แบบโปร่งจะทำให้ห้องดูไม่มืดทึบ ยังคงความสมดุลภายในห้องเอาไว้ได้
กรณีที่บ้านต้องการแบ่งพื้นที่ของห้องต่าง ๆ ให้ได้สัดส่วน เช่น แบ่งห้องรับแขกกับห้องอาหาร หรือแบ่งเตียงนอนกับพื้นที่แต่งตัว ก็สามารถที่ใช้ตู้โชว์แบบครึ่งท่อน จะดูเหมาะสมกว่า เพราะตู้แบบนี้ จะให้ความรู้สึกโล่ง ดูแล้วไม่ทึบหรือขวางห้อง แต่ไม่ควรใช้กรณีที่แบบบ้านผิดหลักฮวงจุ้ย เช่น ประตูตรงกัน เป็นต้น
ประโยชน์ของตู้โชว์นอกจากการแบ่งพื้นที่ใช้สอยให้เป็นสัดส่วนแล้ว ในทางฮวงจุ้ยยังบอกเอาไว้ว่า ตู้โชว์ยังเป็นตัวสร้างจุดเด่นให้กับบ้านอีกด้วย การปล่อยบ้านให้โล่ง มองจากหน้าบ้านเห็นหลังบ้านเลย ทำให้บ้านไม่มีจุดเด่น การมีตู้โชว์ตั้งเอาไว้ก็เพื่อให้คนที่เดินเข้าบ้านได้มองเห็นก่อน ซึ่งส่วนใหญ่ตู้โชว์ก็ควรมีของโชว์ด้วย ไม่ใช่มีแต่งตู้เปล่าๆ
ฮวงจุ้ยกับเถาวัลย์ : เถาวัลย์ขึ้นรั้วงานไม่ราบรื่น
บ้านนั้นคือศูนย์รวมของทุกๆคนในครอบครัว องค์ประกอบทุกอย่างภายในบ้านนั้นล้วนมีความสำคัญไม่แพ้กันเลยค่ะ หากมีสิ่งใดแตกหักหรือโดนทับถมก็จะส่งผลต่อฮวงจุ้ยของบ้านได้เช่นกัน
ดังกรณีที่เถาวัลย์ขึ้นรั้วบ้านนั้นถือว่าเป็นเรื่องที่ไม่ดีเป็นอย่างมาก ตามหลักฮวงจุ้ยนั้นหากปล่อยให้มีเถาวัลย์เลื้อยพันกำแพงบ้านหรือรั้วบ้าน จะทำให้บ้านทำกิจการหรือทำงานไม่ราบรื่นมักขัดข้องอยู่เสมอ
ดังเช่น เถาวัลย์ที่เลื้อยพันเอาไว้ทำให้ทำสิ่งใดก็ไม่สะดวก ทางที่ดีหากมีเถาวัลย์ขึ้นรั้วหรือกำแพงบ้านควรทำการกำจัดทิ้งจะดีที่สุด
ฮวงจุ้ยกับการจัดบ้านหน้าร้อน
ย่างเข้าหน้าร้อนที่ไร หลายคนอาจทำหน้าเบ้ เพราะเบื่ออากาศที่ร้อนอบอ้าว สร้างความหงุดหงิด อารมณ์เสียได้ง่าย ผมว่าหาคนที่ชอบฤดูร้อนในเมืองไทยได้ยากเต็มที แต่ถ้า เป็นเมืองนอกเมืองนา กลับตรงกันข้าม summer เป็นฤดูที่รอคอยกันเลยทีเดียว ไม่ต่างกับคนไทยที่รอคอยหน้าหนาว นั่นแหละ
"ฮวงจุ้ย ช่วยอะไรได้บ้างเวลาต้องเผชิญกับความร้อนอบอ้าว"
ถ้ารู้จักวิธีนำมาใช้ หลักการของฮวงจุ้ยก็ง่ายๆไม่มีอะไรซับซ้อน มีความร้อนมาก ก็ให้ใช้ความเย็นแก้ เรียกว่าหลักหยิน-หยาง สร้างความสมดุล ก่อนอื่นต้องรู้ถึงต้น เหตุของความร้อนก่อนว่ามาจากอะไร
"แสงแดด"นั่นเป็นปัจจัยแรก หลักฮวงจุ้ยบอกว่า การดูแดดให้ดูทิศทางเดินของดวงอาทิตย์ว่ามาทางทิศใด เรื่องนี้ใครๆก็รู้ว่าพระอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันออก ตกทางทิศตะวัน ตก นี่คือแนวของแสงแดดที่สาดส่องเข้ามากระทบบ้าน
ลองสังเกตดูสิว่า ตำแหน่งทิศตะวันออกกับทิศตะวันตกของบ้านเป็นอะไร ถ้าเป็นช่องประตู หน้าต่าง โอกาสที่บ้านจะรับแสงแดดเข้าสู่บ้านก็มีมาก ซึ่งแน่นอนว่าบ้านนั้นก็ได้รับ ความร้อนมากตามไปด้วย
การแก้ไขเพื่อลดความร้อนของแสงแดด วิธีที่นิยมใช้กันมาก ก็เห็นจะเป็นการปลูกต้นไม้ใหญ่บังแดด กรณีที่บ้านนั้นมีพื้นที่มากพอ การใช้ต้นไม้ใหญ่ถือว่าช่วยได้มาก เพราะ นอกจากจะบังแสงแดดได้แล้ว ยังช่วยเพิ่มบรรยากาศภายในบ้านได้อีกด้วย
ถ้าบ้านไหนไม่สามารถปลูกต้นไม้ใหญ่ได้ อาจใช้วิธีทำกันสาดเพื่อบังแสงแดดเข้าสู่ตัวบ้านได้ วิธีนี้ก็ช่วยลดความร้อนลงไปมากเช่นเดียวกัน "น้ำ" วิธีลดความร้อนอีกวิธีหนึ่ง ก็คือ น้ำ เพราะน้ำให้ความรู้สึกที่เย็นอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นน้ำพุ น้ำตก ไหน้ำล้น นำมาจัดสวนรอบบ้าน จะช่วยเพิ่มความชื้นให้กับบ้าน หรือนำน้ำ มาแต่งภายในตัวบ้านก็ได้ เช่น ตู้ปลา การได้มองเห็นน้ำ ย่อมผ่อนคลายความร้อนลงได้บ้าง
"ต้นไม้" การจัดสวนถือเป็นการลดความร้อนให้กับบ้านได้มาก เพราะต้นไม้จะให้ความชื้นแก่บ้านได้ การจัดวางต้นไม้จะขึ้นอยู่กับพื้นที่ บ้านที่มีขนาดใหญ่อาจปลูกต้นไม้ใหญ่ ได้ ส่วนบ้านที่มีพื้นที่น้อยอาจปลูกต้นไม้เล็ก หรือใช้แค่กระถางต้นไม้ก็ได้
บ้านที่เทปูนรอบบ้าน ไม่มีการปลูกต้นไม้เลย เวลาหน้าร้อนบ้านจะรับแสงแดดมาก พื้นที่เป็นปูนจะสะสมความร้อนเอาไว้มาก วิธีแก้อาจหากระถางต้นไม้มาวางเรียงรอบบ้าน เพื่อให้ต้นไม้ช่วยลดความร้อนของพื้นปูนลงได้บ้าง อย่างพวกบ้านที่เป็นตึกทั้งหลาย ที่มีดาดฟ้าอย่าปล่อยให้ดาดฟ้ารับแดดอย่างเดียว ควรหาต้นไม้มาวางด้วย
"ลม" ก็เป็นตัวช่วยให้บ้านคลายความร้อนได้ เพราะฉะนั้น ต้องรู้จักเปิดทางลมให้เข้าบ้านได้ วิธีสังเกตทางลมก็ให้ดูทิศเหมือนกัน ทิศทางลมสำหรับเมืองไทยในหน้าร้อนจะ มาทางทิศใต้ครับ ชาวบ้านเรียกว่า "ลมว่าว"
ทิศใต้ของบ้าน ไม่ว่าจะเป็นหน้าบ้าน หลังบ้าน หรือข้างบ้าน จะต้องมีช่องให้ลมพัดเข้าบ้านได้ เช่น ประตู หรือหน้าต่าง ที่สำคัญมีแล้วต้องเปิดนะครับ ผมเห็นหลายบ้านไม่ค่อย ได้เปิดประตู หน้าต่างสักเท่าไหร่ อ้างว่ากลัวฝุ่นเข้าบ้านบ้าง ขี้เกียจปิดบ้าง บ้านเลยกลายเป็นเตาอบอย่างดี แล้วก็มาบ่นว่าทำไมบ้านร้อนจัง
สรุปก็คือ ช่วงหน้าร้อน ที่นับวันจะร้อนขึ้นทุกปี ช่วยกับจัดบ้านของตัวเองให้เย็น โดยยึดหลัก "ลดแสงแดด เพิ่มช่องลม" แค่นี้ ก็ช่วยลดค่าไฟลงได้มาก ไม่ต้องเปิดแอร์ เปิด พัดลมกันทั้งวัน ลองทำกันดูนะ
ฮวงจุ้ยกับปัญหาคู่สามี-ภรรยา อยู่ด้วยกันแล้วไม่รวย
บางคนแต่งงานอยู่กินกันมานาน แม้จะขยันตั้งใจทำมาหากิน แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่มีทรัพย์สินเงินทองติดตัวเลยแม้แต่น้อย แล้วสาเหตุอะไรกันหล่ะ ที่ทำให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นมา...
วิธีแก้เคล็ดง่ายที่น่าจะช่วยให้อะไรดีขึ้น ซึ่งก็คือให้หาบ้านที่มีลักษณะอยู่บนเนิน หรือบนพื้นที่ที่มีความสูงกว่าพื้นถนนทั่วไปสักพอประมาณ ถ้าอาศัยอยู่ในบ้านเช่นนี้จะส่งผลให้ดวงชะตาดี มีฐานะมั่งคั่งร่ำรวยได้เร็ว ทำกิจสิ่งใดก็จะสำเร็จราบรื่นได้ดี
นอกจากนั้นความสัมพันธ์ของคู่สามี-ภรรยามั่นคงยืนนานอีกด้วย แต่ถ้าหาบ้านอยู่อาศัยในลักษณะนี้ไม่ได้ ก็ให้ขุดสระน้ำปลูกบัวทางซ้ายมือของตัวบ้าน (ยืนอยู่ในบ้าน หันหน้าออกไปทางหน้าบ้าน)
เพียงเท่านี้คุณก็ย่อมมีความสุขในชีวิตคู่ แถมยังร่ำรวยเงินทอง ชีวิตครอบครัวมีความสุขกันถ้วนหน้าอีกด้วยนะคะ
ดาดฟ้าบ้านหันไปทางทิศตะวันตก ส่งผลให้คนในบ้านจิตใจหดหู่
สำหรับบ้านที่มีดาดฟ้านั้น หากละเลยความสำคัญในเรื่องเล็กๆน้อยๆ ก็ย่อมส่งผลให้เกิดผลเสียต่อคนในบ้านได้เช่นกัน โดยเฉพาะบ้านที่ดาดฟ้าที่หันหน้ารับทิศใต้กับทิศตะวันออกนั้น ถือว่าดีที่สุด
แต่ที่น่าจะแย่กว่านั้นก็คงจะเป็นบ้านที่มีดาดฟ้าที่หันหน้ารับทิศตะวันตก นั่นถือว่าไม่ดี คนที่อยู่ในบ้านนั้นจะมีจิตใจหดหู่เลื่อนลอย ขาดสมาธิในการสร้างสรรค์
สำหรับวิธีแก้เคล็ดนั้นสามารถปฏิบัติได้ง่ายๆ โดยการให้ติดกระจกนูนใบเล็กไว้บนดาดฟ้า หรือแขวนลูกแก้วคริสตัลไว้กระจายชี่ ก็สามารถช่วยได้เช่นกัน
การวางฮวงจุ้ยโต๊ะเครื่องแป้ง
- โต๊ะเครื่องแป้งควรตั้งอยู่ในทิศที่ดีประจำตัว โดยที่เวลาแต่งหน้าเท่ากับเราหันหน้าสู่ทิศที่ดีของตัวเอง ซึ่งเป็นความหมายว่าเราได้นำเอาโชคดีมาสู่ตัวเองตั้งแต่เช้า เมื่อทำ การแต่งหน้าหรือในทุกครั้งที่ทำการแต่งหน้า และยังเท่ากับเป็นการนำเอาความคิดที่ดีเป็นมงคลมาสู่ตัวเราเองอีกด้วย
- นอกจากนี้เรายังสามารถเพิ่มความเป็นสิริมงคลและความมีโชคลาภให้มากขึ้นได้ด้วยการติดหลอดไฟเอาไว้ที่โต๊ะเครื่องแป้ง ซึ่งการติดหลอดไฟถือว่าเป็นการเพิ่มหลังหยาง หรือเพิ่มธาตุไฟ และโดยเฉพาะถ้าโต๊ะเครื่องแป้งตั้งอยู่ในทิศใต้ ทิศตะวันตกเฉียงใต้หรือทิศตะวันออกเฉียงเหนือของห้องนอนจะยิ่งเป็นมงคลและโชคดีมากขึ้น
- อีกข้อหนึ่งที่ต้องเอาใจใส่คือระวังอย่าให้กระจกเงาของโต๊ะเครื่องแป้งหันตรงกับเตียงนอนเพราะการหันตรงกับเตียงนอนจะทำให้คู่ชีวิตมีปัญหาในเรื่องการมีบุคคลที่สาม เข้ามาแทรกแซง ฉะนั้นจะรีบย้ายหรือหาผ้าคลุมปิดกระจกทุกคืนเมื่อเวลาจะเข้านอน
บ้านควรมีรั้วไว้กักเก็บโชคลาภ
รั้วบ้าน มีไว้กักโชคลาภ แนวพื้นที่รอบนอกบ้านควรมีรั้ว หากไม่มีก็ใช้ต้นไม้ปลูกแทนรั้ว จะได้ช่วยกำบังให้ โชคลาภถูกกักไว้ในบริเวณบ้าน ไม่รั่วไหลไปอย่างรวดเร็ว เพราะถ้าไม่มีรั้วบ้านเงินทองก็จะสูญหาย ได้มาเสีย ไปตลอดเวลา เก็บเงินไม่อยู่ มีเรื่องต้องใช้จ่ายอยู่เรื่อย จนบางครั้งรายจ่ายมากกว่ารายรับจนต้องเป็นหนี้สิน
รั้วบ้าน คือ เกราะกำบังบ้าน รั้วที่ดีควรเป็นรั้วทึบ เพราะเป็นเกราะกำบังเสมือนเสื้อผ้าที่เราสวมใส่ เพื่อกัน ความร้อนหนาว รั้วที่ดีไม่ควรสูงเกิน 2.50 เมตร รั้วที่สูงแสดงถึงความคับแคบ ไม่มีน้ำใจต่อเพื่อนใกล้เรือน เคียง มักมีคดีความเสมอ ๆ รั้วที่เป็นรูมาก ๆ ไม่แน่นหนาและไม่มั่นคงพอ จะรับพลังร้ายได้โดยง่าย เท่ากับ ขาดภูมิต้านทานที่ดี เจ็บป่วยบ่อย
การเงินขาดแคลน รายรับไม่พอกับรายจ่าย รั้วที่เตี้ยเกินไปจนสามารถ มองเห็นจากภายนอกได้ว่าภายในบ้านมีอะไรวางไว้ตรงไหน เท่ากับเป็นการเชิญชวนให้คนร้ายเข้ามาสู่บ้านได้ ง่ายดาย หรือรับภยันตรายรอบข้างได้โดยง่าย
ถ้ารั้วทึบ ประตูควรโปร่งพอสมควร ไม่ควรทึบทั้งหมด พลัง จะเข้าบ้านลำบากเกินไป กว่าจะได้อะไรมาย่อมยากลำบาก รั้วที่ดีควรสูงเลยศีรษะเจ้าของบ้านไปเล็กน้อย เพื่อเป็นภูมิคุ้มกันผองภัยทั้งหลายได้
การเสริมสติปัญญาความรู้ในทางฮวงจุ้ย
ทิศตะวันออกเฉียงเหนือของ อาคารบ้านเรือน หรือของห้องโถง ห้องนั่งเล่น ห้องทำงาน หรือห้องนอนเป็นทิศแห่งสติปัญญา เฉลียวฉลาด
ซึ่งการทำฮวงจุ้ย เพื่อเสริมพลังมงคลในทิศนี้จะช่วยเพิ่มความเฉลียวฉลาด ความคิดริเริ่ม การ ตัดสินใจที่ดีที่ถูกต้อง และการพัฒนาปรับปรุงตน รวมทั้งเป็นการเพิ่มพลังแห่งฮวงจุ้ยทั้งหลายให้มีประสิทธิภาพ มากขึ้นอีกด้วย
ซึ่งสามารถทำฮวงจุ้ยในทิศตะวันออกเฉียงเหนือได้หลายวิธีด้วยกัน คือ ทำการติดแสงไฟเอาไว้ในทิศตะวันออกเฉียงเหนือของห้องนอนจะช่วยทำให้มีความฉลาด และความระมัดระวังมากขึ้น
แขวนระฆังลม 6 แท่งกลวงเอาไว้ในทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ของห้องทำงานหรือสำนักงาน เพื่อช่วยเสริมสติปัญญา ความคิด และวิสัยทัศน์ให้กว้างไกลในทุกครั้งที่มีเสียงของระฆังลมจะเท่ากับเป็นสัญญาณปลุกพลังความคิด ยิ่งระฆังลมมีเสียงกังวานไพเราะเท่าใดก็ยิ่งมีพลังเท่านั้น หากจะให้ได้ผลดีก็ควรที่จะเคาะระฆังให้ส่งเสียงดังทุกวัน พร้อมกับมองให้เห็นภาพของการเพิ่มพูนทางสติปัญญา
ติดตั้งกระจกเงาเอาไว้ในทิศตะวันออกเฉียงเหนือของห้องทำงาน ห้องรับแขก หรือห้องเรียนจะช่วยดึงดูดข้อมูลหรือวิชาความรู้ใหม่ๆ มาสู่คุณ
ตั้งต้นไม้ที่สมบูรณ์แข็งแรงเอาไว้ในทิศตะวันออกเฉียงเหนือของอาคาร บ้านเรือนหรือห้องทำงาน เพื่อช่วยเสริมพลังความคิด และความเฉลียวฉลาด
แขวนขลุ่ยไม้ไผ่เอาไว้ในทิศตะวันออกเฉียงเหนือของห้องนอนจะช่วยเสริมให้สมองมีพลังความคิดที่แข็งแกร่งและสมดุล
ติดตั้งน้ำพุ หรืออ่างน้ำเอาไว้ในทิศตะวันออกเฉียงเหนือของอาคารบ้านเรือน จะช่วยให้เกิดความสงบทางด้านจิตใจไม่สับสนวุ่นวาย
ติดตั้งพัดลม กังหันลม หรือธงสีต่างๆ เอาไว้ในทิศตะวันออกเฉียงเหนือของสถานที่จะช่วยทำให้สมองปลอดโปร่ง และช่วยกระตุ้นพลังความคิด
แขวนลูกแก้วเจียระไนที่ผูกด้วยด้ายแดงยาว 9 นิ้ว เอาไว้ในทิศตะวันออกเฉียงเหนือ จะช่วยให้มีความรู้ความเข้าใจที่ดี และมีการตัดสินใจที่ถูกต้อง
ในทิศตะวันออกเฉียงเหนือของอาคารบ้านเรือนจะต้องมีความสว่างไสว และสะอาด หากมืดมัว หรือ สกปรกจะทำให้ความคิด ภูมิปัญญา และความรู้นั้นถูกกระทบทำให้เสื่อมถอย
การตั้งสิ่งของหรือเครื่องเรือน ต่างๆ มากเกินไปจนดูรกตา ซึ่งไม่เฉพาะในทิศตะวันออกเฉียงเหนือจะลดทอนพลังความคิด
วางตำราหนังสือต่างๆ ให้อยู่ในตำแหน่งที่มองเห็นได้ชัดเจนทั้งในทิศตะวันออกเฉียงเหนือ หรือใกล้ๆ กับประตูทางเข้า จะช่วยเสริมความรู้ความคิดให้ก้าวไกล
แต่งเติมสีฟ้า หรือสีเขียวเอาไว้ในทิศตะวันออกเฉียงเหนือ หรืออาคารสถานที่ทั่วๆ ไปที่ต้องการเน้นให้มีความก้าวหน้าทางสติปัญญา และการพัฒนาปรับปรุงตนเอง
วันอังคารที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2553
ฮวงจุ้ยกับข้อห้ามการกระตุ้นปลุกเสือขาว
การกระตุ้นปลุกเสือขาวคือความ เป็นอัปมงคลอันหนึ่งในวิชาฮวงจุ้ยที่สร้างปัญหานานา ประการ ตั้งแต่ความโชคร้าย ความเจ็บป่วย ความสูญเสียทรัพย์สิน หรือแม้กระทั่งการสูญเสียทรัพย์สิน หรือแม้กระทั่งการสูญเสียชีวิตของบุคคลในบ้านที่กระตุ้น ปลุกเสือขาวขึ้นมา
การกระตุ้นปลุกเสือขาวเป็นข้อห้ามในวิชาฮวงจุ้ยที่ต้องระวังและยึดถือ อย่างเคร่งครัด ดังนั้นในการตรวจดู ฮวงจุ้ยของสถานที่ใดๆ สิ่งที่ต้องพิจารณาเป็นอันดับต้นๆ ก็คือทิศทางและลักษณะฮวงจุ้ยของเสือขาว ประตูหน้า ของบ้านไม่ควรตั้งประจันกับเนินเสือขาว และมุมเสือขาวไม่ควรถูกกระตุ้นหรือรบกวน
มุมเสือขาวของพื้นที่นั้นตามปกติหาได้จาก 2 วิธีคือ มุมเสือขาวที่มีอยู่ในภูมิประเทศตามธรรมชาติคือเนินเตี้ยๆ ที่ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของพื้นที่นั้นๆ และมุมทางด้านขวามือของพื้นที่เมื่อหันหน้าออกไปทางด้านหน้าของพื้นที่
ตามปกติเนินเสือขาวที่ตั้งอยู่ในทิศตะวันตกตามสภาพภูมิประเทศตามธรรมชาติจะต้องต่ำกว่าเนินมังกรที่ตั้งอยู่ในทิศตะวันออก หากมุมเสือขาวเป็นเนินที่สูงกว่าก็จะเท่ากับมุมเสือขาวนั้นได้รับการกระตุ้นปลุกเร้าให้มีอำนาจเหนือมุมมังกร ซึ่งจะมีผลเสียต่อฮวงจุ้ยเป็นอย่างมากทำให้เกิดโชคร้ายเกิดความเจ็บป่วยและสูญเสีย ในลักษณะเช่นนี้ควรแก้ไขด้วยการติดตั้งเสาไฟสูงและติดหลอดไฟเอาไว้ที่ปลาย เสาโดยให้ติดตั้งอยู่ในมุมของมังกร
ในกรณีที่มุมด้านขวามือเป็นเนินหรือพื้นที่สูงกว่ามุมซ้ายมือและอยู่ตรงกับทิศตะวันออกให้ถือว่ามุมหรือตำแหน่ง นั้นเป็นมุมมังกรไม่ใช่มุมเสือขาว และมุมเสือขาวจะกลับด้านมาอยู่ในมุมทิศตะวันตกแทน ซึ่งก็คือทางด้านซ้ายมือสำหรับในกรณีนี้และถือว่าเป็นพื้นที่หรือทำเลที่เป็นมงคล
เมื่อสามารถหามุมเสือขาวได้แล้วขั้นต่อไปก็คือการระมัดระวังที่จะไม่ทำการ เพิ่มเติมสิ่งปลุกสร้างหรือทำการปลูกต้นไม้ หรือตกแต่งใดๆ ในบริเวณนี้เพราะถ้าทำก็จะเท่ากับการไปกระตุ้นปลุกเสือขาวให้ฟื้นขึ้นมา และทำร้ายผู้อยู่อาศัยในบ้านนั้นๆ ดังนั้นการเพิ่มเติมใดๆ ให้กับมุมเสือขาวถือว่าทำให้ฮวงจุ้ยเสีย
ตามปกติแล้วการทำเสียงดังหรือการ เคลื่อนไหวในมุมเสือขาวเท่ากับเป็นการกระตุ้นปลุกเสือขาวเช่นกัน ดังนั้นการติดตั้งน้ำพุ น้ำตก ระฆังลม หลอดไฟหรือเคล็ดวัตถุใดๆ ถือว่ามำให้ฮวงจุ้ยกลับเสียทั้งสิ้น
ตามวิชาฮวงจุ้ยได้กล่าวเตือนให้ระวังอย่าติดหรือแขวนรูปเสือเอาไว้ภาย ในบ้านเรือนอย่างเด็ดขาดโดยเฉพาะอย่างยิ่งทางด้านทิศตะวันตก เพราะนั่นจะเท่ากับเป็นการไปกระตุ้นปลุกเสือขาวให้ฟื้นขึ้นมาและก่อปัญหาให้กับผู้อยู่อาศัยแทนที่จะทำหน้าที่ปกป้อง คุ้มครอง
ภาพหรือรูปปั้นเสือที่ติดตั้งเอาไว้ในบ้านจะทำเกิดความเจ็บป่วยหรือถึงตายได้ โดยเฉพาะกับคนที่มีเกิดเป็น ปีสัตว์เล็ก เช่น ปีกระต่าย ปีแพะ ปีไก่ เป็นต้น และความอัปมงคลหรือปัญหา จะยิ่งเพิ่มมากขึ้นหากภาพนั้นเป็นภาพเสือที่กำลังหิวคือเสืออ้าปากค้างอยู่ ส่วนคนที่จะสามารถติดภาพเอาไว้ในบ้านได้โดยไม่มีอันตรายใดๆ ได้แก่ คน ที่เกิดปีเสือหรือมังกร
ในทางกลับกันหากแขวนภาพหรือรูปปั้นเสือเอาไว้นอกบ้านบริเวณด้านหน้าจะให้ผลในแง่ของการคุ้มครอง บ้านเรือนและผู้อยู่อาศัยจากสิ่งเลวร้าย ทั้งปวงได้เป็นอย่างดี
จัดครัวให้ถูกโฉลก
ฮวงจุ้ยครัวดี...เป็นศรีแก่บ้าน
โชคลาภ บารมี สุขภาพที่ดีของครอบครัวเกิดขึ้นได้ด้วยการจัดครัวให้ถูกต้องดังนี้
1.ไม่ควรตั้งเตาไฟไว้ทิศตะวันตกและทิศตะวันตกเฉียงเหนือ เพราะเป็นทิศธาตุทองจะถูกธาตุไฟทำลายได้ ถ้าตั้งเตาไฟทิศนี้จะเป็นปฏิปักษ์กับทิศทางของฟ้าดิน ทำให้หัวหน้าครอบครัวมีอาการปวดศีรษะ มีเรื่องปวดเศียรเวียนเกล้าเป็นประจำ
2.ไม่ควรตั้งเตาไฟใกล้อ่างล้างชาม หรือตู้เย็น หรืออะไรที่เกี่ยวข้องกับน้ำ เพราะธาตุน้ำจะทำลายธาตุไฟ ซึ่งทำให้ธาตุไฟที่เป็นธาตุกระตุ้นพลังงานในร่างกายและความเป็นสิริมงคลแก่ครอบครัวให้สูญเสียพลังงานไป ส่งผลให้โชคลาภของคนในบ้านถูกบั่นทอนลง ดังนั้นควรแยกเตาไฟให้ห่างจากธาตุน้ำให้มากดีที่สุด
3.ไม่ควรตั้งเตาไฟตรงกับประตูเมื่อมองเข้าไปในครัว โดยเฉพาะประตูใหญ่ซึ่งเป็นประตูเข้าออกบ้าน จะทำให้ครอบครัวมีแต่เรื่องเดือดร้อนเกี่ยวกับการเงินอยู่เสมอ เนื่องด้วยประตูเปรียบเสมือนปากที่อ้ารับโชคลาภ แต่มาตรงกับเตาไฟซึ่งทำหน้าที่เผาผลาญแล้ว ย่อมเท่ากับโชคลาภก็ถูกเผาผลาญหมดไปด้วย อีกทั้งครอบครัวเกิดหมางใจกันได้บ่อยๆ
4.ไม่ควรตั้งเตาไฟหรือครัวไว้หน้าบ้าน หรือที่เห็นได้ง่ายเกินไปด้วยหน้าบ้านเปรียบเสมือนหน้าต่างเพื่อค้าขายทำกำไร ถ้าตั้งเตาไฟจะทำให้กำไรถูกเผาผลาญอย่างรวดเร็วไม่เหลือทรัพย์เก็บออม
5.เตาไฟ หรือหัวเตาที่เป็นมงคลควรมีจำนวนคี่ ไม่ควรเป็นจำนวนคู่ แต่ควรงดจำนวน 7 เตาเนื่องจากชาวจีนถือว่าเลข 7 ไม่เป็นมงคลนำมาซึ่งความลำบากยากแค้น
6.ไม่ควรตั้งเตาไฟไว้ใต้คาน เพราะธาตุไฟเป็นธาตุแห่งพลังงานชีวิตของครอบครัว จะถูกขื่อคานนั้นกดทับอันนำมาซึ่งอุปสรรคต่างๆ แก่คนในครอบครัว
7.ห้ามสร้างห้องครัวไว้กลางตัวบ้าน เปรียบเสมือนว่าเป็นการวางเพลิงบ้านของตัวเอง เพราะกลางบ้านถือว่าเป็นตำแหน่งประธาน ศูนย์รวมบทบาทหน้าที่ ทรัพย์สิน บารมี และสุขภาพของเจ้าบ้าน อันจะนำมาซึ่งความสูญเสียต่างๆ นานา ของครอบครัวได้
8.ไม่ควรตั้งตำแหน่งของเตาไฟไว้ใต้ห้องน้ำ (ในกรณีที่บ้านมีหลายชั้น) เพราะห้องน้ำเป็นที่ชำระของเสียจากร่างกาย แต่เตาไฟประกอบอาหารบำรุงร่างกาย เมื่อห้องน้ำอยู่เหนือเตาไฟ พลังงานที่ไม่ดีจะแผ่ลงไปในอาหารที่บริโภคเข้าไป ทำให้ครอบครัวมีสุขภาพร่างกายไม่แข็งแรง
9.การสร้างหรือต่อเติมห้องครัวใหม่ ให้ดูว่าทิศของตัวบ้านเป็นทิศอสูรและทิศเบญจภูตประจำปีนั้นหรือไม่ เพราะถ้าสร้างหรือต่อเติมจะมีแต่เรื่องร้ายๆ ต่างๆ นานา ให้เปลี่ยนไปทิศอื่นหรือเลื่อนการสร้างหรือต่อเติมไปก่อนจะดีกว่า
ห้องครัวนั้นถือว่าเป็นห้องที่มีความสำคัญมาก การที่จัดห้องครัวได้อย่างถูกต้อง ให้สะอาดตา อากาศถ่ายเทได้สะดวก ย่อมจะนำมาซึ่งความอุดมสมบูรณ์ สุขภาพอนามัย และโชคลาภแก่ครอบครัวอย่างแน่นอน ฉะนั้นอย่ามองข้ามเป็นอันขาด ...
วันเสาร์ที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2553
ฮวงจุ้ย :: ห้องนอนกับฮวงจุ้ย
แม้ว่าฮวงจุ้ย จะเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ต้องศึกษา อย่าง ลึกซึ้ง และต้องมอง ประกอบกัน หลายด้าน แต่ก็มี บางตำรา ที่พอจะสรุปแบบรวมๆ เกี่ยวกับ ห้องนอน เอาไว้ดังนี้
1. หลังคา ไม่ควรเปิดให้แสงสว่าง กระจาย เข้ามาสู่ ห้องนอน ของเจ้าบ้าน
2. ไม่ควรมี หน้าต่าง ลักษณะกลม
3. เพดาน ควรออกแบบ ให้ได้สัดส่วนกับห้อง
4. ลักษณะห้อง ไม่ควรผิดปกติ หรือมีมุม มากจนเกินไป
5. พื้น ไม่ควรต่ำกว่า พื้นห้องส้วม
6. ไม่แนะนำให้มี ชั้น หรือหิ้ง ไว้ในห้องนอนเจ้าบ้าน
7. ไม่ควรมี ภาพวาด หรือภาพถ่าย ที่สัมพันธ์กันกับ ภาพทิวทัศน์ต่างๆ
8. ไม่ควรมี ตู้เลี้ยงปลา ในห้องนอนเจ้าบ้าน
ฮวงจุ้ยของเตียง
เชื่อกันว่า การจัดเตียงได้อย่างเหมาะสม จะช่วยให้ ผู้อยู่อาศัย มั่นใจได้ถึง โชคลาภ และโอกาส ที่จะก้าวหน้า ตำแหน่งเตียงที่ดี สามารถ เชื่อมโยงกับ ชี่ ดีได้ ความสมดุล จะส่งเสริม การไหลของมัน ให้มีผลที่เป็นคุณ ต่อสุขภาพ ของผู้อยู่อาศัย เชื่อกันว่า การหันหน้าเตียง มีอิทธิพล ต่อผู้อยู่อาศัย ดังนี้
•ทิศเหนือ - ช่วยในการ พัฒนา การรู้ โดยสัญชาติญาณ
•ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ - ช่วยในการ ทำงาน ที่สสัมพันธ์กันกับ การค้นคว้า ทดลอง
•ทิศตะวันออก - จะนอนหลับ ด้วยความสงบ สันติ
•ทิศตะวันออกเฉียงใต้ - จะมีความ พากเพียร พยายาม ในการทำงาน
•ทิศใต้ - จะมีชื่อเสียง เกียรติยศดี
•ทิศตะวันตกเฉียงใต้ - ช่วยในเรื่องที่เกี่ยวกับ ความรัก
•ทิศตะวันตก - จะมีลูกที่ดี
•ทิศตะวันตกเฉียงเหนือ - จะมีเพื่อนมากมาย
กฎเกณฑ์เกี่ยวกับการจัดวาง ตำแหน่งของเตียง
1. ไม่ควรตั้งเตียงเอาไว้ใต้ขื่อ
2. ไม่ควรตั้งเตียง หันไปทางประตูห้องนอน
3. ไม่ควรมีที่เปิดได้ อยู่เหนือเตียง
4. ไม่ควรหันเตียง เข้าหากระจก
5. ไม่ควรตั้งเตียง ให้อยู่ในระหว่างเสา 2 ต้น
6. ไม่ควรหันเตียง ไปทางประตูส้วม
7. ไม่ควรตั้งเตียง หันเข้าหามุมห้อง
8. ไม่ควรหันเตียง เข้าหาหน้าต่าง ที่มองเห็น แท็งค์น้ำ หรือปล่องไฟ
9. เตาไฟ อ่างน้ำ หรือโถส้วม ไปตั้งอยู่หลังฝาผนัง ตรงหัวเตียง ไม่เป็นมงคล
10. หัวเตียง ต้องตั้งชิดฝาผนัง ไม่ควรหันหัวเตียง ไปตรงกับประตู หรือหน้าต่าง
11. ไม่ควรวาง หรือแขวนอะไรไว้ เหนือหัวเตียง
12. ไม่แนะนำให้ใช้ เตียงที่มีรูปลักษณะกลม
13. หน้าเตียง และประตูห้องนอน ไม่ควรขนานกัน หรืออยู่ในแนวเส้น เดียวกัน
14. ไม่ควรโยกย้ายเตียง เมื่อภรรยาตั้งครรภ์
15. ไม่ควรมี ห้องน้ำ ห้องส้วม ตั้งอยู่ชั้นบน เหนือตำแหน่งเตียง
ตำแหน่งเตียง ฮวงจุ้ยห้องนอนของผู้สูงอายุ และเด็กๆ
1. ห้องนอนของผู้สูงอายุ ควรอยู่ด้าน ทิศใต้ หรือตะวันตก
2. ห้องนอนผู้สูงอายุ ไม่ควรให้มืด ควรมีหน้าต่าง
3. ห้องนอนเด็กๆ ไม่ควรอยู่หลังห้องครัว ไม่เป็นมงคล และไม่ควรมี หน้าต่างทางทิศ ตะวันออกเฉียงใต้
4. หลีกเลี่ยง ห้องที่มีหลายๆ ด้าน ห้องนอน ที่มีลักษณะ เป็น สี่เหลี่ยมมุมฉาก หรือสี่เหลี่ยมจตุรัส
5. ไม่ควรเอาวัตถุแหลม หรือมีคม เช่น ดาบ ไปโชว์ใน ห้องนอนเด็ก
6. ไม่ควรเอา สัตว์สตัฟฟ์ ไว้ในห้องเด็ก
7. ตำแหน่งของห้องนอนเด็กๆ ควรเข้ากันได้กับ วันเกิด ของพวกเขา
8. ไม่แนะนำให้ ตั้งห้องนอนเด็ก ไว้กลางบ้าน
9. สีของห้องเด็กๆ ควรเข้ากันได้กับ ธาตุของเด็กๆ ด้วย
10. สีพรมในห้องเด็ก ไม่ควรขัดกับ ธาตุของเด็กๆ และ ไม่ขัดกับ ธาตุที่ตั้งห้อง
11. แนะนำให้ติด เครื่องรางของขลัง ไว้ในห้องเด็ก และห้องผู้สูงอายุ เพื่อป้องกัน สุขภาพ ให้พวกเขา
12. ในกรณีที่มีคน 2 คนหรือมากกว่า อยู่ในห้องเดียวกัน ควรแยกเตียง หรือวาง "เทพเจ้าผู้ศักดิ์สิทธิ์" ไว้ใต้เตียง ในกรณีที่ นอนเตียงเดียวกัน
ประตูห้องนอนเจ้าบ้าน
1. ประตูไม่ควรหันเข้าหากระจก
2. ไม่ควรหันไปหามุมห้อง
3. ไม่ควรหันไปหาประตูห้องอื่น
4. ไม่ควรหันไปทางประตูห้องส้วม ไม่เป็นมงคล
5. ไม่ควรเปิดออกไปสู่ด้านของมังกร
6. ไม่ควรหันไปสู่บันได
7. ไม่ควรหันไปสู่ทางเดิน
โต๊ะเครื่องแป้ง
1. ไม่ควรหันหน้าไปยังประตูห้องนอนของคุณ
2. ไม่ควรตั้งอยู่ที่ปลายเตียงทั้งสองด้าน
3. ไม่ควรตั้งเอาไว้ใต้ขื่อหรือติดกับเสา
4. ไม่ควรหันไปสู่ห้องน้ำหรือห้องส้วม
5. ไม่ควรหันหน้าไปหากระจกบานอื่น
ฮวงจุ้ย :: ของแต่งบ้านที่ไม่เป็นมงคล
แต่เหนือสิ่งอื่นใด จิตใจของเราต้องดีไว้ก่อน ทำอะไรก็จะดีตามไปด้วย ใครจะลองเอาของ 7 อย่างนี้ออกไปจากบ้าน ก็ลองดู เรื่องแบบนี้นานาจิตตัง
1.งู ไม่ควรนำมาแต่งบ้าน เพราะงูเป็นสัญลักษณ์ของความอาฆาตซึ่งส่งผลให้หมกมุ่นอยู่กับอารมณ์โกรธ และยังเป็นเครื่องหมายของตัณหาราคะคนในบ้านจะฝักใฝ่แต่เรื่องโลกีย์
2.นาฬิกาทราย จะมีผลทำให้คนในบ้านต้องเหนื่อยกับภารกิจใด ๆ ก็ตามที่ต้องทำอย่างรีบเร่งจนไม่มีเวลาพักผ่อนอย่างสุขสบายเลย
3.หมี เป็นสัตว์น่ารักแต่จะทำให้คนในบ้านพลาดท่าเสียทีผู้อื่นเพราะไม่ทันคน
4.ม้าลาย ถ้านำมาแต่งบ้านคนในบ้านจะมีแต่เรื่องแตกแยกกัน ไม่มีโชคลาภเข้าสู่บ้านน้าน
5.จระเข้ เป็นสัญลักษณ์ของความเจ้าเล่ห์เพทุบาย จะทำให้อับโชค และมีคนคอยคิดมุ่งร้ายต่อคุณและคนในครอบครัว
6.หนู ความหมายไม่เป็นมงคล จะทำให้ถูกหักหลังหรือถูกเอาเปรียบ
7.แมว หมายถึงแมวที่ไร้ชีวิต ถ้านำมาแต่งบ้านจะก่อให้เกิดการหลอกลวงจากคนนอก มาฉกฉวยโอกาสหาผลประโยชน์
ของแต่งบ้านบันดาลโชค (ศิริมงคล)
1.ส้ม เป็นรูปภาพก็ได้ หรือผลไม้เหมือนจริงมาใส่ตะกร้าบนโต๊ะในห้องรับแขกจะให้โชคลาภ
2.ทับทิม ควรปลูกไว้หน้าบ้านจะได้ลูกหลานที่ดี และไม่มีภัย
3.โต๊ะต่าง ๆ ภายในบ้าน ควรจะเลือกเป็นทรงกลม หรือแปดเหลี่ยม ถ้าเป็นสี่เหลี่ยมมุมโต๊ะควรเป็นมน ๆ จะเสริมมงคลให้แก่บ้านสามารถ ขจัดพลังชั่วร้ายและดึงดูดเอาความเจริญเข้าสู่บ้าน
4.ของแต่งบ้านรูปหมู เป็นสัญลักษณ์ของโชคและความอุดมสมบูรณ์
5.ช้าง เป็นสัญลักษณ์ของสติปัญญาและโชค ควรตั้งช้างไว้ในห้องรับแขก ห้ามตั้งช้างให้หันหน้าออกสู่หน้าประตูเด็ดขาดจะทำให้ครอบครัววุ่นวายมีแต่เรื่องขัดแย้ง
6.การนำพัดมาตกแต่งบ้าน จะช่วยบันดาลให้คุณและคนในครอบครัว ประสบความร่มเย็นเป็นสุข และมักได้ข่าวดีอยู่เสมอ
7.เต่า ตุ๊กตาหรือรูปปั้นเต่า ไว้ในห้องนั่งเล่นหรือมุมใดในบ้านก็ได้ จะทำให้คนในบ้านสุขภาพดี อายุยืน ยกเว้นห้องทำงาน
8.ไก่ ตุ๊กตาหรือรูปปั้นวัสดุ ใดก็ได้ล้วนแต่เป็นสิริมงคลต่อบ้านในทางเรียกโชคลาภเงินทอง
9.การแต่งบ้านด้วยเครื่องปั้นดินเผา ไม่ว่าจะเป็นรูปใดจะทำให้คนในบ้าน มีฐานะการเงินมั่นคง
ประเทศจีนนั้นแวดล้อมไปด้วยธรรมชาติของป่าเขาและพืชพรรณนานาชนิด มีไม้มงคลมากมายหลายประเภทที่ขึ้นในสภาพอากาศที่หนาวเย็น และหาไม่ได้ในประเทศไทย เช่น ดอกโบตั๋น ดังนั้นก็จะมีต้นไม้ชนิดที่นิยมปลูกหรือถือเป็นไม้มงคลเพียงไม่กี่ชนิดที่มีอยู่ในประเทศไทย
ต้นไผ่ เป็นไม้ที่แตกหน่อแลกิ่งก้านสาขาได้เร็ว เป็นสัญลักษณ์ของความเจริญรุ่งเรือง การขยายกิจการ แทนความยั่งยืน คงทน เชื่อว่าเวลาที่ต้นไผ่สีกันจะมีเสียงดังทำให้ปีศาจหรือสิ่งชั่วร้ายกลัว ไม่เข้าใกล้ บางแห่งหรือบางชนบทก็จะผูกต้นไผ่ด้วยริบบิ้นสีแดง
ต้นสน มีความหมายใกล้เคียงกับต้นไผ่ เป็นสัญลักษณ์แทนความอดทนในการฝ่ามรสุมจากความทุกข์ยาก
ต้นส้มหรือส้ม ซึ่งมีการใช้ในทุกเทศกาล หมายถึงความโชคดีหรือความเจริญรุ่งเรือง และความสุข
ดอกบัว สัญลักษณ์แห่งฤดูร้อน หมายถึงความบริสุทธิ์ ความมีสติ
ต้นทับทิม ผลไม้ของผลทับทิมมีเม็ดสีแดงมากมาย หมายถึงการมีบุตรหลานที่กตัญญูไว้สืบตระกูลมากมาย เป็นต้นไม้ที่อยู่ในตำนานที่เจ้าแม่กวนอิมได้ใช้กิ่งทับทิมในการประทานพรแก่ชาวโลก เวลากลับจากสุสาน งานศพ ก็จะใช้น้ำกิ่งทับทิมล้างหน้า ถือเป็นต้นที่ไม่ใหญ่นักซึ่งสามารถปลูกได้ทั้งที่หน้าบ้านและข้างบ้าน
ลูกน้ำเต้า ที่คนไทยมักจะนำเอาไปลงอักขระภาษาในเรื่องของวัตถุมงคลนั้น คนจีนก็ถือว่าเป็นไม้มงคลอีกชนิดหนึ่งที่มักจะออกลูกตลอด จนกว่าต้นจะแก่ตาย หมายถึงการมีดอกผลงอกเงย มีทรัพย์สินเงินทองไหลมาเทมา
ต้นราชพฤกษ์ ในประเทศไทย มีคนนิยมปลูก ต้นราชพฤกษ์ เพราะมีดอกสีเหลืองเป็นพวงทอง ซึ่งให้ความหมายถึงความมั่งคั่งร่ำรวย
ต้นเฟื่องฟ้า แทนความหมายในแง่ของชื่อเสียงที่ขจรขจาย
ต้นเข็ม ส่วนใหญ่จะปลูกไว้ริมรั้วหรือแทนประตูรั้ว ให้ความหมายในแง่ความแหลมคมของสติปัญญา ความรู้
ต้นโมก ต้นแก้ว ที่มีกลิ่นหอมในตัวมันเอง ก็ใช้ส่งเสริมความสมดุลของชีวิต
ต้นขนุน เพื่อให้คนเกื้อหนุนค้ำจุน
ต้นมะขามปลูก เพื่อเสริมสร้างบารมีให้คนเกรงขาม
มีความเชื่อว่าในเวลาที่คนเรามีเคราะห์มาก ๆ อาจลดเคราะห์หรือความยุ่งยากลงด้วยการปลูก กุหลาบหรือต้นโป๊ยเซียน จะช่วยบรรเทาเคราะห์ลงได้ อาจเพราะหนามที่แหลมคมช่วยต่อต้านปัญหาเอาไว้
มาถึง ต้นชัยพฤกษ์ บ้าง มักนำมาปลูกไว้ข้างรั้วหน้าบ้าน ความหมายก็คือการนำชัยชนะ หรือการปรามมารร้ายทั้งหลายที่จะเข้ามาให้ถอยทัพกลับไป เป็นต้นไม้ที่เป็นศิริมงคลตามตำราโบราณ
ส่วน ต้นพุทธรักษา ก็มักจะปลูกไว้ริมรั้ว จะส่งผลให้เกิดความสุขในครอบครัวทำนองว่า พระพุทธจะรักษาให้เกิดความสงบสุขแก่ผู้อยู่อาศัย มีเรื่องเล่าตามพุทธตำนานว่า พระเทวทัตคิดทำร้ายพระพุทธเจ้า จึงได้ขึ้นไปภูเขากลิ้งหินบนภูเขาลงมาในจังหวะเดียวกับที่พระพุทธเจ้าเสด็จผ่านมา แต่ก้อนกินดังกล่าวกลับแตกกระจัดกระจายก่อน สะเก็ดก้อนหินได้กระเด็นไปถูกพระบาท มีพระโลหิตไหลหยดลงบนแผ่นดิน ต่อมาได้เกิดต้นไม้ชนิดหนึ่งขึ้นตรงรอยเลือดนั้น ต้นไม้ชนิดนั้นก็คือพุทธรักษานั่นเอง
นั่นเป็นเรื่องของความเชื่อเกี่ยวกับต้นไม้ในการเสริมสร้างให้เกิดความเป็นมงคลในชีวิตของคนจีนและคนไทยที่คละเคล้ากันไป เป็นการเสริมทางด้านจิตใจ และความสมดุลของบ้าน แต่ในความเห็นของผู้เขียนเห็นว่าการปลูกต้นไม้อะไรน่าจะอยู่ที่เป้าหมายมากกว่า เช่น หากต้องการต้นไม้มาช่วยบดบังแสงแดด ก็อาจปลูกต้นจำปี การะเวก หูกวาง หรือหากต้องการปลูกเพื่อกินผล เจ้าบ้านชอบทานผลไม้อะไรก็ปลูกพันธุ์ไม้นั้นลงไป ไม่ได้มีกำหนดกฎเกณฑ์อะไร สิ่งสำคัญหากเป็นไม้ยืนต้นก็ไม่ควรปลูกขวางประตูเข้าบ้านเป็นอันขาด
จัดโต๊ะทำงานให้ถูกฮวงจุ้ย
เรื่องฮวงจุ้ยใครว่าไม่สำคัญหรืองมงาย ทราบไหมคะว่า เขามีการนำมาเชื่อมโยงกับทางวิทยาศาสตร์แล้วเห็นว่ามีความเป็นเหตุเป็นผลและไปด้วยกันได้ดีทีเดียว อย่างโต๊ะทำงานที่คุณต้องใช้ชีวิตอยู่ด้วยเกือบตลอดทั้งวันนั้น ถ้าจัดให้ถูกที่ถูกทางเขาว่าจะช่วยให้สิ่งดีๆ เข้ามาสู่ตัวคุณ และจะเพิ่มความรู้สึกดีๆ ให้กับตัวคุณอย่างเห็นได้ชัดเลยทีเดียว
1.ถ้าเป็นไปได้ควรเลือกนั่งโต๊ะในตำแหน่งทแยงมุมกับประตูที่สุด แต่ว่าต้องเห็นประตูนะ
2.ไม่ควรนั่งหันหลังให้ประตู บอกกันว่าตำแหน่งนี้ เพื่อนร่วมงานจะแทงข้างหลัง (ระวังไว้)
3.ถ้ามีมุมเสา (เขาว่าเป็นศรพิฆาต) เล็งมาที่โต๊ะทำงาน ให้สลายพลังอัปมงคลด้วยแท่งคริสตัล
4.โต๊ะส่วนล่างควรปิดมิดชิดทั้ง 3 มุม
5.ซ้าย(มังกร) ต้องอยู่สูงกว่า ขวา(เสือขาว) ยกตัวอย่างเช่น จอมิเตอร์ หรือกองเอกสารควรอยู่ซ้ายมิ ส่วนปากกา, Mouse ซึ่งเป็นอุปกรณ์ที่มีส่วนสูงไม่มาก ควรวางอยู่ด้านขวามือ
6.Screen Saver ที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ไม่ควรมีรูปแหลม หรือกากบาท ควรเป็นรูปปลาว่ายน้ำที่มีการเคลื่อนไหวตลอดเวลาเป็นดีที่สุด
7.ควรมีต้นไม้เล็กๆ บริเวณ Monitor เพื่อลดความเข้มของสนามแม่เหล็ก
8.เก้าอี้ควรใช้แบบไม่มีล้อและพนักพิงหลังสูง
แก้ไขฮวงจุ้ยบ้านที่อยู่แล้วจน
ฮวงจุ้ย บ้านที่อยู่แล้วมีสิทธิจนลง หรือ รวยช้ากว่าคนอื่น นั่นเอง ทั้งนี้รายละเอียดจริงๆในการชี้ชัดนั้น ต้องดูองศาที่ตั้งของบ้านหลังนั้น และชัยภูมิภายนอกและภายในของหลังนั้นๆ ประกอบด้วย และส่วนหนึ่งนี้เป็นหลักทั่วไปที่ช่วยในการพิจารณาได้ระดับหนึ่ง เวลาเราจะเลือกซื้อบ้าน หรือสังเกตุบ้านตัวเอง เป็นอย่างไร
1. บ้านที่อยู่ต่ำกว่าถนน มักเกิดกับบ้านที่สร้างมานาน และอยู่ติดถนน คือถนนก็มีการถมสูงขึ้นสูงขึ้นแต่บ้านไม่ได้ยกสูงขึ้น นานเข้าก็เลยต่ำจนต้องทำบันไดให้ก้าวลง บ้านลักษณะนี้หากไม่ต่ำกว่าครึ่งฟุตยังถือว่าไม่ต่ำมาก หากมากกว่านี้จะเกิดสภาพเรียกว่าลาภล้น เหมือนน้ำท่วมปากคือเห็นลาภวิ่งไปมา แต่เอาไม่ได้ถนัด วิธีแก้อย่างง่ายๆหากไม่ต่ำมาก คือต้องมีลานกว้างหน้าบ้านสักหน่อย ภาษาจีนเรียกว่าเม็งตึ้ง เพื่อเอาไว้เป็นบริเวณกักเก็บพลัง เพราะฉะนั้นบ้านกรณีนี้ ควรมีเนื้อที่ระหว่างถนนกับทางเข้าบ้านเป็นที่โล่งๆสักหน่อยจึงจะดี
2. บ้านที่อยู่ใต้สะพาน มักเกิดกับบ้านหรือร้านค้าตึกแถวที่อยู่มาดีๆ ก็มีการตัดถนนทำสะพานผ่านหน้าร้าน กลายเป็นมองไม่เห็นหน้าร้านชั้นล่างไป ในกรณีนี้ เราต้องยกระดับให้ชั้นที่อยู่เสมอถนนเป็นชั้นหลัก โดยทำให้ชั้นนั้นเด่นขึ้นมา ขณะที่ชั้นที่อยู่โดนบันไดบังต้องไปใช้ในเรื่องรองๆลงไป
3. บ้านที่อยู่สูงกว่าถนน มักเกิดกับบ้านที่สร้างแบบวางแผนล่วงหน้า คือกลัวน้ำท่วม จึงปลูกสูงกว่าถนน และยังเป็นการเผื่อในอนาคตมีการทำถนนสูงขึ้น บ้านจะได้ไม่เตี้ยลง ในกรณีนี้หากไม่ได้สูงจนเกินไป ก็ไม่เป็นไร หากสูงมาก จะกลายเป็นลาภเข้าบ้านไม่ได้ คือปากอยู่สูงเกินไป กินลาภไม่ได้ แถมหากทำทางเชื่อมระหว่างถนนกับตัวบ้านค่อนข้างลาดชัน จะทำให้บ้านนี้มักจะเสียเงินทองโดยใช่เหตุอีก เพราะลาภใหม่นอกจากเข้าบ้านไม่สะดวกแล้ว ลาภในบ้านยังจะไหลออกได้ง่ายๆอีก
4. บ้านที่หน้าต่างหรือประตูมากเกินไป กรณีนี้เห็นบ่อยมากๆกับแบบบ้านสมัยใหม่ คือเข้าไปแล้วดูโปร่ง โล่งสบาย คนสมัยใหม่ชอบกันมาก แต่สังเกตุไหมว่า คนสมัยใหม่มักนิยมใช้บริการสินเชื่อ เงินด่วนทันใจ อะไรพวกนี้กันเยอะๆ ก็เพราะบ้านแบบนี้อยู่แล้วเก็บเงินไม่ค่อยอยู่ สังเกตุดู...คนสมัยนี้ถึงจะหารายได้มาเยอะก็มีรายจ่ายเยอะเหมือนกัน วิธีแก้ไขหากซื้อไปแล้ว คือพยายามอย่าเปิดหน้าต่างใช้หลายบาน และรู้จักติดม่านช่วยด้วย
5. บ้านที่ประตูหรือหน้าต่างอยู่ตรงข้ามกัน เช่น ประตูหน้าบ้าน ตรงหน้าต่างหลังบ้าน หน้าต่างหน้าบ้านตรงประตูหลังบ้าน ก็เข้าข่ายลาภเข้ามาแล้วไหลออกได้เร็ว เก็บเงินไม่อยู่เหมือนกัน ให้พยายามปิดหน้าต่าง ใช้ผ้าม่านช่วย หรือวางฉาก ตู้โชว์กั้นระหว่างกลางไว้
6. บ้านที่รั้วรอบบ้านโปร่ง มักพบกับบ้านเดี่ยว ที่ชอบทำแบบโชว์ความสวยของบ้าน ใช้รั้วเตี้ย หรือรั้วไม้ระแนง หรือรั้วเหล็กตีเป็นซี่เล็กๆให้ดูโปร่งสบาย อันนี้ก็กักเก็บลาภไว้ไม่ได้เหมือนกัน หากจะทำรั้วแบบนี้ ทำได้เฉพาะด้านหน้า ส่วนด้านอื่นต้องเป็นรั้วทึบเพื่อกักเก็บพลังไว้ หรือไม่ออกปลูกต้นไม้เป็นแนวรั้วแทนก็ได้
7. บ้านที่เปิดประตูแล้วเจอบันได บ้านพวกนี้มักจะทำให้เงินทองหามาแล้ว มีเรื่องต้องใช้จ่ายเสมอ เรียกว่าเก็บไม่อยู่ หลีกเลี่ยงได้ต้องเลี่ยง หากอยู่ไปแล้ว ให้หากฉากมากั้นหน้าบันได จะช่วยได้ระดับหนึ่ง
8.บ้านที่พื้นที่บริเวณหน้าประตูเข้าบ้านแคบ พลังปราณหรือชี่นั้น ต้องอาศัยบริเวณลานโล่งเพื่อเป็นบ่อพักพลังหรือกักเก็บพลัง ก่อนที่ไหลเข้าสู่ตัวบ้าน หากบ้านใดบริเวณพื้นที่หน้าประตูเข้าบ้านแคบ ไม่เปิดโล่งหรือวางของรกรุงรัง หรือ มีต้นไม้สูง สวนหิน อยู่ตรงข้ามประตู จะทำให้พลังเข้าบ้านไม่สะดวก เมื่อบ้านรับพลังไม่เต็มที่ คนในบ้านย่อมไม่ได้รับพลังเต็มที่เช่นกัน
9.บ้านที่แวดล้อมไปด้วยน้ำเสีย ขยะ สิ่งสกปรก อับ ชื้น พลังปราณหรือชี่ที่ดีนั้น จะชอบบริเวณโล่ง สะอาด หากบ้านใดอยู่รายล้อมด้วยสิ่งเหล่านี้ จะเหน็ดเหนื่อยในการทำมาหากิน เพราะต้องฝืนกับกระแสที่จะไหลออก คือ นอกจากไม่เข้าบ้านแล้ว ยังจะไหลออกไปอีก บ้านแบบนี้ การกระตุ้นด้วย ฮวงจุ้ย เพื่อช่วยในการกักเก็บพลังไว้ให้ไม่หนีไป ยามใดมีโอกาส ควรรีบย้ายไปที่อื่น
10. บ้านที่แวดล้อมไปด้วยที่รกร้าง ว่างเปล่า สภาพรกร้างว่างเปล่า คือไม่มีพลังชี่ในบริเวณนั้น เพราะฉะนั้นเวลาเราไปอยู่แล้ว เราจะเอาพลังโชคลาภจากที่ไหนมาล่ะ หากจะมีมาก็ต้องกระตุ้นมากเป็นพิเศษเพื่อให้พลังมาหาเรา หากเป็นหมู่บ้านที่ร้างๆ แล้วมีบ้านใดบ้านหนึ่งมีฮวงจุ้ยที่ดีกว่าอย่างเห็นได้ชัด ก็จะดึงดูดพลังชี่ให้ไปบ้านหลังนั้นเป็นส่วนใหญ่ ก็ยิ่งแย่หนักเข้าไปอีก หากเห็นหมู่บ้านร้างแต่ขายราคาถูกๆ ต้องพึงสังวรไว้ว่า ของดีแต่ราคาถูกๆไม่มีในโลกนี้